สวัสดีค่าาา
วันนี้มาเขียน Blog ให้อ่านกันอีกแล้ว แต่วันนี้มาในบล็อกท่องเที่ยวค่ะ
ไหนๆมาอยู่เมกาแล้ว ควรจะท่องเที่ยวให้คุ้มซะหน่อย เพราะถ้าต้องมาจากเมกา
มาที่ไทยอีก คงเป็นลม นั่งเครื่องบิน ต่อเครื่อง นานเหลือเกิน ทรมาณเหลือเกิน
ช่วง Christmas ที่ผ่านมา ออนได้ไปเที่ยว Las Vegas มาค่ะ แต่ว่าไม่ได้ไปตอน
วัน Christmas เลย เพราะคนจะเยอะมาก โรงแรมจะแพงมาก และทุกอย่างจะแน่น
จะเบียดกันไปซะหมด ออนเลยเลือกไปวันที่ 27-29 ธันวาคมแทน ให้คนกลับๆกันไปก่อน
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คนก็ยังแน่นอยู่ดี เพราะเป็น High Season ของที่นี่ ที่สำคัญคนจะมา
เตรียมฉลองปีใหม่กันด้วย
ออนเดินทางจาก LA ไป Vegas โดยการขับรถ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงค่ะ
แนะนำให้ออกตอนเช้าๆหน่อย รถจะได้ไม่ติด ถึง Vegas ตอนบ่ายๆเกือบเย็น จะได้มี
เวลาพักก่อนไปกินข้าว หรือไปเล่นการพนัน แต่วันนั้นออนออกสายไปหน่อย ออกตอนเที่ยง
บวกกับช่วงเทศกาล รถติด เลยถึง Vegas ประมาณ 6 โมงครึ่ง
พอถึงปุ้บก็รีบไป Check-in ที่โรงแรมในฝันที่อยากไปมานานแล้ววววว
(ซึ่งในฝัน ฝันแค่อยากไปที่ Venetian Macau) แต่ครั้งนี้ฝันเป็นจริงยิ่งกว่า เพราะว่าได้มา
ถึง Venetian Las Vegas เลย มันเริ่ดก็ตรงนี้ จริงๆพี่โต้บอกว่ามีโรงแรมใหม่ๆ ดีๆกว่านี้เยอะมาก
เช่น Aria หรือ Bellagio (และแน่นอนว่าราคาสูงกว่า Venetian) แต่ด้วยความที่ออนติดภาพกับ
Venetian ตั้งแต่เด็กๆว่าจะต้องมาให้ได้ ก็เลยเลือก Venetian ค่ะ
เวลาจองแนะนำว่าให้จองล่วงหน้านานๆ แพลนการเที่ยวล่วงหน้านานๆ เพราะจะได้
ราคาที่ถูกลงมาเยอะมาก ตอนที่จองนั้น ราคาห้องธรรมดาอยู่ที่คือละประมาณ $260 เหรียญ
หรือประมาณ 8000 บาท/คืน ซึ่งพัก 2 คืน อยู่ที่ประมาณ 16000 บาท แต่วันที่มาถึงโรงแรม
สอบถาม Rate วันนั้น ราคาอยู่ที่ $400 กว่าเหรียญ ขึ้นมาเท่าตัวนึงเลย ดังนั้นถ้าเราแพลนไว้ก่อน
จองไว้ก่อน จะช่วยมากค่ะตรงนี้
ห้องที่จองคือ Luxury Suite แบบ 1 King Bed
ออนชอบการตกแต่งห้องแบบนี้ มันดูคลาสสิก ที่นี่ไฟจะสลัวๆมัวๆ ไฟไม่สว่าง และ
โดยปกติแล้วออนชอบนอนในห้องมืด ห้องเงียบ ห้องแบบซึมๆทึมๆ ออนชอบถูกใจห้องนี้
มากเป็นพิเศษ เตียงใหญ่เลย นอนกลิ้งได้สบายยย ผ้าห่มหนา และหนัก อุ่นค่ะ
ห้องแบบ Luxury Suite กว้างมากค่ะ กว้างแบบสบาย สบายเลย
อันนี้ถ่ายจากตรงโซฟา ซึ่งเชื่อมจากเตียงลงมา จะมีโซฟาให้นั่งดูทีวี และมีโต๊ะทำงาน
อยู่ด้านซ้าย (ซึ่งถ่ายรูปติดไม่ครบ) และตรงไปจะมีโต๊ะกินอาหาร ม่านที่นี่จะมี 2 ชั้น
ชั้นแรกจะบังแบบนิดๆ แต่ยังพอมองเห็นแบบในรูป แต่ชั้นที่ 2 คือมึดสนิท ถ้าปิดชั้นที่ 2
นี่จะไม่รู้เดือนไม่รู้วันเลยทีเดียว (ใช้ระบบอัตโนมัติกดม่านเอา กดปิดไฟเอา)
ด้วยความที่ Venetian ตั้งอยู่ตรง Vegas Strip หรือศูนย์กลางของ Vegas เลยทำให้สามารถ
เดินไปโรงแรมต่างๆได้ เพราะช่วงนั้นโรงแรมจะแต่งไฟ แต่งดอกไม้เยอะมาก (เยอะกว่าปกติ
ที่แต่งอยู่แล้ว) ที่ได้ลองเดินไปคือ Wynn กับ Palazzo ส่วนที่ได้ขับรถไปก็จะมี Bellagio ค่ะ
นอกนั้นก็ผลุบเข้าผลุบออกคาสิโนโรงแรมเล็ก โรงแรมน้อยใกล้เคียงเช่น
Stratosphere หรือ Harrah เพราะจริงๆคนที่มา Las Vegas ส่วนมากก็มาเพื่อพักผ่อน ผสมกับ
การเล่นคาสิโน เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่การเล่นคาสิโนถูกกฏหมายนั่นเอง ดังนั้นทุกโรงแรมจะ
มีคาสิโนในตัวเองหมด แต่คำเตือนคือ..ใครแพ้บุหรี่ อาจจะเป็นลมได้ เพราะโรงแรมในส่วนของ
คาสิโนจะสามารถสูบบุหรี่ได้ และเกิน 60% ของคนที่เล่นสูบบุหรี่กันหมด ที่สำคัญที่นี่เปิดตลอด
24 ชั่วโมง 365 วัน ดังนั้นกลิ่นบุหรี่ก็สะสมเยอะค่ะ
พอ Check-in เสร็จก็รีบไปร้านอาหารทันที จองไว้ที่ร้าน Top of the world
เป็นร้านอาหารที่เปิดมานานมากแล้ว แต่ได้รางวัล และได้รับการโหวตว่าเป็นร้าน
อาหารที่มองเห็นวิว Vegas Stip สวยมาก เห็นครบ 360 องศา ที่สำคัญบริการดี
อาหารโอเค (น่าจะอารมณ์ Sirocco เมืองไทย แต่ไม่ได้ต้อง formal มากขนาด
Sirocco ค่ะ เพราะร้านเป็น indoor)
พอเข้าไปที่ร้าน ทางพนักงานก็พาไปนั่งที่โต๊ะ จุดเด่นของร้านนี้คือร้านเป็นกระจก
ทั้งหมด และพื้นในร้านจะหมุนช้าๆไปรอบๆ ครบ 360 องศา ทำให้สามารถเห็นวิวของ
Vegas ได้ทั้งหมด ทั้งตรงส่วนที่เป็นแสง สี เสียง และส่วนด้านหลัง แต่อย่าคาดหวังมาก
ว่าที่นี่จะส่วนตัวและเงียบ เพราะว่าที่นี่รองรับนักท่องเที่ยว ดังนั้นคนจะเยอะมากกกกก
มาถึง Vegas ซึ่งอยู่ในรัฐ Nevada แล้วจะไม่สั่ง Foie Gras ได้ยังไง (เนื่องจาก California
สั่งแบน Foie Gras ตั้งแต่ปี 2012 ทำให้ไม่สามารถกินได้) พอมาถึงอีกรัฐ ที่ไม่ได้แบน เลย
ต้องรีบสั่งกินเลย ฟินนนนนนนนน!
กินเสร็จแล้วก็กลับมาเดินเล่นแถมโรงแรม อันนี้คือต้น Christmas หน้า Venetian
เลย ใหญ่และตกแต่งไฟน่ารักดีค่ะ คืนนั้นก็จบลงที่คาสิโนนั่นเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นเช้ามา ลงมากินอาหารที่โรงแรม (ไม่รวมอาหารเช้านะคะ
เพราะบริเวณโรงแรมมีร้านอาหารเยอะมาก ให้เลือกหลายชาติเลย) กินเสร็จก็
เดินเล่นรอบๆ Venetian หลายๆคนอาจจะรู้กันแล้ว แต่ออนตื่นเต้นมากกับ
“ท้องฟ้าปลอม” ลองดูกัน ที่เห็นสีฟ้าๆนั่นคือหลังคา ที่ทำเลียนแบบท้องฟ้านั่นเอง
ทำให้เราเดินอยู่แล้วเราไม่รู้เลยว่ากลางวันหรือกลางคืน เพราะจะสว่างตลอดเวลา
ที่สำคัญทำให้ดูเหมือนอยู่ข้างนอก แต่จริงๆแล้วอยู่ภายในตึกค่ะ
ตอนแรกว่าจะนั่ง Gondola ปรากฏพึ่งรู้ว่าต้องซื้อตั๋ว และคิวของวันนี้คือทุ่มนึง เลยจองเป็น
วันที่ 3 (วันสุดท้ายก่อนกลับ) แทน ใน Gondola จะนั่งทั้งหมด 4 คน ฝั่งละ 2 คน ราคาอยู่ที่
คนละ $20 โดยประมาณ (แต่ถ้าพักที่ Venetian เค้าจะให้คูปองมา ลองดูดีๆ จะมีคูปอง
ซื้อ 1 แถม 1 สำหรับ Gondola) เลยใช้คูปองไปซื้อ ตอนแรกพี่โต้อยากจะนั่งแบบ Private
คือนั่งแค่ 2 คน อารมณ์สวีทฝุดๆ แต่ราคาอยู่ที่ $78 ซึ่งรู้สึกเสียดายเงิน และคิดว่าเอาเงินไป
กินดีกว่า สรุปก็ได้ใช้คูปอง ซื้อ 1 แถม 1 เลยจ่ายไป $20 สำหรับ 2 คน คุ้มมากกกก
เสร็จแล้วก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ เห็นมั้ยยยย ท้องฟ้าปลอม มันสวยมากกกกก
ตรงนี้ถ่ายรูปสวยจริงๆค่ะ แค่มาถ่ายรูปในโรงแรมนี้ก็คุ้มแล้ว
ตอนกลางคืนก็ไปเดินเล่นตามโรงแรมต่างๆ อันนี้ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็น
Wynn หรือ Palazzo ค่ะ ใครอยากถ่ายรูปสวยๆ แนะนำให้มาช่วงหน้าหนาว
เพราะจะได้แต่งตัวสวยๆ ถ่ายกับไฟ และของตกแต่งสวยๆ แต่ก็เช่นกัน..คนก็จะเยอะ
ทุกอย่างก็จะแน่นไปหมด และราคาก็จะแพงขึ้นกว่าปกติ
ม้าหมุน ที่หมุนได้จริงๆ และทำจากดอกไม้ตกแต่งทั้งหมด สวยมากกกก
เสร็จแล้วก็ถึงเวลาของการดูโชว์ ที่พึ่โต้ตื่นเต้นมาก และอยากพามาดูมาก
นั่งก็คือ Cirque Du Soleil ดูโชว์ที่ชื่อว่า KA เป็นโชว์ที่หลายๆคนโหวตว่าดี และสนุกมาก
พี่โต้เลือกซื้อตั๋วแบบ Front row (ห่างจากเวทีมาประมาณ 5-6 แถว) และที่นั่งตรงกลางเลย
เห็นชัดมากกกกกกก เรียกว่าเวลาไฟลุกที ยังรู้สึกถึงความร้อนของเปลวไฟ ใครมาที่นี่อยาก
แนะนำให้ดูโชว์ เพราะคนดูกันเยอะมาก เหมือนเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต เค้ามีโชว์
หลายโชว์เลยของ Cirque Du Soleil ลองหาข้อมูลอ่านกันได้ค่ะ
แต่แนะนำว่าให้ดูแถวหลังออกมานิดนึง ด้วยความที่ของออนมันหน้ามาก บางทีต้องเงย
หน้านิดนึง (บวกกับราคาตั๋วที่แพงมาก คนละประมาณ 4500 บาท) ทำให้เซ็งเล็กน้อย
เพราะว่าหน้าเกิ๊นนนนนนน ถ้าหลังไปกว่านี้ซัก 5-10 แถว น่าจะกำลังดีค่ะ ที่สำคัญตั๋วจะ
ราคาถูกลงด้วย
หลังจากดูโชว์เสร็จก็มาเจอเพื่อนพี่โต้ และจบลงที่คาสิโนอีกเช่นเคย
คาสิโนที่นี่ตื่นตาอลังใจจริงๆ มันเยอะ มันใหญ่มากกกก ออนไม่ใช่คนที่ชอบเล่น และเสีย
เงินกับของพวกนี้ ดังนั้น 2 คืนของออน ออนเสียไป $3.5 หรือประมาณ 100 บาท กับ
Slot Machine เท่านั้น หยอดเล่นแบบ 100 ที อะไรแบบนี้ ให้พอสนุก แต่ไม่ใช่คนที่จะไป
นั่งโต๊ะ และลงเงินตาละ $10 หรือ $15 แบบนั้น ส่วนพี่โต้กับเพื่อน ก็ปล่อยเค้าไปเล่น
กันที่โต๊ะแบบสนุกๆ
วันรุ่งขึ้นตื่นเช้ามา Check out และมาล่อง Gondola กัน ขอบอกว่าถ้าใครไปที่
Macau หรือที่นี่ แนะนำว่าควรจะล่องซักครั้งในชีวิต เป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ
Gondola Man ของออน บริการดี มารยาทดี คุยสนุก และตลกมาก พี่โต้ให้ทิปไปด้วย
(ที่นี่ทุกอย่างควรให้ทิปค่ะ ประมาณ 18 เปอเซ็น) เนื่องจากพี่โต้จ่ายค่า Gondola
ไปด้วยคูปองหนึ่งแถมหนึ่งแล้ว เลยให้ Gondola Man ไป $20 เลย
เวลาล่อง Gondola Man ก็จะร้องเพลงให้ฟังไปเรื่อยๆ
(ในรูปจะเห็นว่าคนเยอะมากกกกกกกกก และแน่นมากกกกกก)
จบกันไปกับภาพ Panorama ของ Las Vegas
สำหรับทริปนี้ เป็นทริปที่ออนแฮ๊ปปี้มาก เพราะออนชอบแสง สี เสียง และ City Life อยู่แล้ว
มันเลยตื่นตาตื่นใจ และคึกคักกว่าปกติ แต่ที่เซ็งคือดันไม่สบายก่อนไป และตลอดทริปก็ไม่สบาย ไอตลอดเวลา
ต้องกินยาอม ยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ T___T” แถมอาหารที่ Vegas ก็หนาวกว่า LA ด้วย ยิ่งสั่นเลย
ใครจะไปเที่ยวช่วงหน้าหนาว เช็คอากาศดีๆนะคะ จะได้เตรียมเสื้ออุ่นๆไปให้พอ
จะได้เดินเที่ยว ลุยคาสิโน หรือท่องราตรี ได้อย่างสบายใจ ดังนั้นคำถามที่เจอคือ มี Vegas มีอะไร ..
ตอบง่ายๆคือ มาเที่ยว มาพักผ่อน มาเล่นคาสิโน มาเที่ยว Night club อะไรที่เกี่ยวกับชีวิตกลางคืน
ทั้งหลาย ได้รวมไว้ที่เมืองนี้หมด.. Sin City
เจอกันใหม่กับ Vegas Trip คราวหน้า
ครั้งหน้าจะไปตอนอากาศอุ่นลงแล้ว จะได้แต่งตัวอีกลุคนึง และจะต้องไปตอนที่ร่างกายแข็งแรง
สบายดี จะได้ไม่ทรมาณแบบครั้งที่ผ่านมา
เจอกันใหม่นะคะ
ขอบคุณค่า